ประชาชนเบียร์อยู่ที่ไหน??
หนึ่งในกิจกรรมที่ทำให้คราฟท์เบียร์เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น คือ การจัดงาน homebrew หรือจะทำเป็นคราฟท์เบียร์ festival ก็ได้ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่รวบรวมทั้งผู้ทำเบียร์และผู้ชอบดื่มเบียร์มาเจอกัน #ประชาชนเบียร์ ที่เพิ่งจัดไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นับว่าเป็นกิจกรรมที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยส่งเสริมให้วงการคราฟท์เบียร์ไทยพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง สำหรับคนที่อยากจะจัดงานเบียร์แบบนี้บ้าง พี่ชิตได้รวบรวม check list 20 เรื่องที่ควรรู้ก่อนจัดงาน หวังว่าคงเป็นประโยชน์และสามารถนำไปต่อยอดได้
20 เรื่องควรรู้ก่อนจัดงานเบียร์
1.
ชื่องาน สำหรับการตั้งชื่องานเบียร์ส่วนมากจะคำที่บอกชื่อเมือง จังหวัด ประเทศหรือบริเวณที่มีการจัดงานเบียร์ บวกกับคำว่าเฟส festival หรือคราฟท์ เช่น #พัทลุงคราฟท์เบียร์เฟส Khao Kho Craft Fest เป็นต้น การจัดงานตั้งใจจะจัดครั้งเดียวจบ หรือจัดอยู่เรื่อยๆทุกปี ก็อาจจะเพิ่มคำว่า ครั้งที่ xx หรือปีเข้าไปด้วย
2.
วันที่ จัดวันเดียวจบ จัดช่วงปลายสัปดาห์ เช่น ศุกร์-เสาร์ หรือจัดงานทั้งสัปดาห์
3.
สถานที่ เลือกสถานที่ไป-มาสะดวก หากผู้เข้าร่วมไม่ต้องขับรถไปได้ยิ่งดี แต่ก็ต้องดูอีกทีว่าเป็นการงานเบียร์ homebrew หรือเปล่าเพราะงานแบบนี้หาที่ลับๆนิดหนึ่งก็จะดี
4.
ไฮไลท์งาน สำหรับไฮไลท์ของงานก็มีองค์ประกอบหลัก ดังนี้ คือ เบียร์ อาหาร ดนตรี เสริมด้วยมีการเสวนาให้ความรู้กับผู้เข้าร่วมด้วยมั๊ย มีการจัดประกวดเบียร์ด้วยมั๊ย
5.
เป้าหมาย ตั้งเป้าหมายผู้เข้าร่วมงานเป็นใคร คนไทย ฝรั่งด้วยมั๊ย คนท้องถิ่น ตั้งเป้าไว้เท่าไหร่ เช่น 300-500 คน
6.
บริวเวอร์ เบียร์ในงานเป็นไทยอย่างเดียว หรือรวมเบียร์นอกด้วย เป็นเบียร์ homebrew อย่างเดียวหรือเบียร์นำเข้าด้วย หากเป็นเบียร์ homebrew อย่างต้องแจ้งให้เหล่าบริวเวอร์ทราบอย่างน้อย 6-8 สัปดาห์เพื่อให้เวลาในการเตรียมให้ได้เบียร์ที่ดีมาออกงาน
7.
อาหาร ผู้จัดเป็นคนขายอาหารเอง หรือขายบูทอาหาร อาหารควรเหมาะกับเบียร์ มีความหลากกลาย เพียงพอต่อจำนวนคนที่คาดว่าจะเข้างาน
8.
ดนตรี ควรมีดนตรีสด ดีเจ ไม่ควรเอานักร้องมีชื่อมาก เพราะนอกจากค่าตัวแพง เพลงที่ร้องไม่หลากหลาย
9.
บัตรเข้างาน มีค่าบัตรเข้างานมั๊ย หากมีค่าบัตรรวมค่าเบียร์กี่แก้ว หรือตั้งราคาค่าบัตรเป็นเบียร์แบบ Free flow
หากเป็นแบบเบียร์ Free flow ความสำเร็จอยู่ตรงการขายบัตรเข้างาน และควรเตรียมเบียร์ให้เพียงพอกับจำนวนคนที่เข้างาน
10.
คูปอง หากต้องไปซื้อกินในงาน ต้องกำหนดราคาคูปองเบียร์ คูปองอาหาร ผู้จัดได้ส่วนแบ่งจากการจำหน่ายคูปอง การกำหนดราคาคูปองควรเหมาะสมกับขนาดของแก้วที่เสริฟในงาน size มาตรฐาน 330ml หากไม่ขายคูปอง ก็เป็นไปได้ที่บริวเวอร์ต่างขายเอาเอง ไม่ขายก็แจก 555
11.
สปอนเซอร์ ควรหาสปอนเซอร์เพื่อมาช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายลดความเสี่ยง ไม่จำเป็นต้องเป็นเงินเสมอไป อาจจะเป็น ห้องพักโรงแรม ตั๋วเครื่องบินก็ได้ สปอนเซอร์หาจากไหนได้บ้าง เช่น กลุ่มคนนำเข้าเบียร์ เบียร์แบรนด์ไทยที่เข้าโมเดิร์นเทรดแล้ว คนขายวัตุดิบทำเบียร์ กลุ่มขายอุปกรณ์ทำเบียร์ กลุ่มกระจายเบียร์เป็นต้น
12.
ของที่ระลึก เสื้อ หมวก เป็นต้น แต่ระวังเรื่องขาดทุนเพราะขายไม่ออก ฉะนั้นควรทำให้เสร็จก่อนเพื่อนำไปขายออนไลน์ตอนเริ่มเปิดจองขายบัตรเข้างาน
13.
ทีมจัดงาน จะรวมทีมจัดกันเอง หรือจ้างมือ pro event organizer ข้อดีของมือ pro คือ สามารถช่วยหา sponsor งานได้มากขึ้น หากไม่สามารถหา sponsor ได้ก็ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ ช่วยกันจัดเองดีกว่า
14.
การประชาสัมพันธ์ มีหลายช่องทาง social media เช่น facebook instagram ไลน์กรุ๊ป ให้พวกบริวเวอร์ และคนขายอาหารช่วยกันประชาสัมพันธ์งานใน community ของตัวเองด้วย รวมถึงการฝากกลุ่ม sponsor ให้ช่วยกันประชาสัมพันธ์
15.
โลโก้งาน สำคัญ ให้มือ pro เขาออกแบบ
16.
Booklet หนังสือ booklet ที่บอกวัตถุประสงค์ของงาน บอกรายการเบียร์ และเรื่องราวของบริวเวอร์ และ breweries ที่เข้ามาร่วมงาน รวมถึงเป็นช่องทางโฆษณาให้กับ sponsor ด้วย หากมีได้ก็ดี แต่ยังไม่ค่อยเห็นมีใครทำเพราะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
17.
Layout การวาง layout สถานที่จัดงาน บูทเบียร์ บูทอาหาร เวที ประตูทางเข้า ลานจอดรถ
18.
ชุดกดเบียร์ / CO2 บริวเวอร์ต้องเตรียมมาเอง แต่ผู้จัดงานควรเตรียมบูทกลางไว้ด้วย สำหรับเบียร์มาจากต่างจังหวัดไกลๆ เพราะบางแบรนด์ไม่สามาถมาเองได้แต่ส่งเบียร์ไปร่วมงาน ส่วนน้ำแข็งผู้จัดควรเตรียมไว้ให้เรียบร้อย และเพียงพอ
19.
ธีมงาน จะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่หากมีธีมงาน ผู้เข้าร่วมงานก็จะได้รับประสบการณ์ที่ดีและสนุกมาขึ้น
20.
สพม. ??? ตอบยาก 555
.
.
credit photo: ชาวประชาชนเบียร์